…เมื่อความโกรธ ถาโถม จู่โจมจิต
ใช้ปัญญา เพ่งพินิจ จับลงขันธ์
โกรธเกิดขึ้น เปรียบดังไฟ บรรลัยกัลป์
จิตแห่งธรรม์ ตั้งกองขันธ์ ใช้ภาวนา
…จิตที่เห็น อารมณ์โกรธ กระพือโหม
เข้ารันโรม ร้อนรุ่ม ดั่งยักษา
พฤติกรรม ก้าวร้าว ทั้งกายา
ทั้งดวงตา สีหน้า และท่าทาง
…ใช้ปัญญา จับอารมณ์ ในขณะ
ที่ผัสสะ ปรุงแต่งต่อ เติมแตกต่าง
จิตผู้รู้ เห็นอารมณ์ ไม่เลือนลาง
แล้วจับวาง ลงสังขาร ในขันธ์ห้า..
…ใจเต้นสั่น ระรัว มัวหมกมุ่น
ใจร้อนรุ่ม กระวนกระวาย ไม่หรรษา
แรงบีบเค้น ให้ใจ เกิดเวทนา
ใช้ปัญญา พิจพิเคราะห์ ให้เห็นจริง
…ทั้งจดจำ นำพา อารมณ์โกรธ
ฟ้าพิโรธ โกรธไป ไม่หยุดนิ่ง
แม้เหตุการณ์ จะเนิ่นนาน ยังอ้างอิง
จำทุกสิ่ง คือสัญญา หาควรจำ
…เห็นอารมณ์ ที่เกรี้ยวกราด สาดไปทั่ว
ล้วนเมามัว มืดมิด จิตถลำ
เกิดเวทนา ให้พบเห็น สัจธรรม
รู้โศกซ้ำ ระกำใจ ให้จากจร
…กายเร่าร้อน ใจเต้น สั่นระทึก
ถึงยามดึก ยังไม่หลับ กลับสังหรณ์
จับอาการ ที่เกิดขึ้น มาสังวร
ไม่อาทร แค่คือรูป ที่เป็นกาย
…บทสรุป อารมณ์โกรธ จับลงขันธ์
เปรียบดั่งควัน ที่พวยพุ่ง แล้วเลือนหาย
เห็นเกิดดับ กับขันธ์ห้า อยู่ไม่คลาย
จิตสบาย เพราะรู้ทัน เช่นนั้นเอง..ฯ
วชิรญาโณ ภิกฺขุ
๗ มีนาคม ๒๕๖๓