ปฏิจจสมุปบาท มีอยู่ ๒ สาย คือ
๑. สายเกิด คือ สมุทยวาร สายเกิดมีมูลเหตุโดยแท้ คือ อวิชชาเป็นมูลเหตุ อวิชชาเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะส่งผลนำมาซึ่งความทุกข์ คือ การมีทุกข์ในปัจจุบัน มีทุกข์ในอนาคต และมีทุกข์ในภพต่อๆ ไปอย่างหาที่สิ้นสุดมิได้ เพราะว่าสมุทยวารบ่งบอกตายตัวแล้วว่านำเกิด จะเป็นอย่างไรก็ตามมันจะนำเกิดด้วยอำนาจของอวิชชาได้ มันก็จะนำเกิดอยู่ตลอดเวลา
๒. สายดับ คือ นิโรธวาร เมื่ออวิชชาดับ กระบวนแห่งการเกิดก็ดับ แต่เป็นการดับด้วยวิราคธรรม คือ อริยมรรค นั่นหมายถึงว่า เราจะเห็นอริยสัจในปฏิจจสมุปบาทตรงที่พระองค์ทรงให้เหตุผลของสมุทัย คือ เห็นตัวทุกข์ ได้แก่ ความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ความไม่ประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจ มีความปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นนี้เป็นกระบวนการแห่งความทุกข์ทั้งหมด
——————————————
อริยสัจ ๔ กับ ปฏิจจสมุปบาท
อริยสัจ ๔ กับปฏิจจสมุปบาทเป็นเรื่องเดียวกันแต่ปฏิจจสมุปบาทเป็นด้านที่พระองค์ทรงพิจารณาอริยสัจ๔ โดยเหตุปัจจัย จึงเรียกว่า “ปฏิจจะ” เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี คือ เป็นเหตุปัจจัยที่อาศัยกันเกิด(หรืออิทัปปัจจยตา) แต่อริยสัจ๔ มีไว้เพื่อทำกิจของสัมมาทิฏฐิ คือ เห็นทุกข์ เห็นเหตุของทุกข์ เห็นความดับของทุกข์ เห็นทางปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ >> อริยสัจ๔ มีไว้เพื่อทำกิจในการเห็น แต่ปฏิจจสมุปบาทอธิบายเหตุปัจจัยตามห่วงโซ่ที่ตามกันไป
#หนังสือความสำคัญของวิสาขปูรณมี
จารุวณฺโณ ภิกฺขุ