โอวาทธรรมที่พระอาจารย์ต้นมอบให้แก่ลูกศิษย์ทุกรูป/ทุกคน เนื่องในวัน กตเวทิตคุณูปมาจารย์ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๖
**********************
ในโอกาสนี้ ขออนุโมทนากับหมู่พระภิกษุสงฆ์ทุกท่าน และญาติโยมทั้งหลายที่ได้ร่วมกันกล่าวคำถวายสักการะครูอาจารย์ พร้อมทั้งอ่านบทรัตนปริตรเพื่อหนุนธาตุขันธ์ครูบาอาจารย์
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ได้กระทำอุปการะอันมากแก่อีกบุคคลหนึ่ง ย่อมเกิดองค์คุณต่อกันและกันขึ้น พระพุทธองค์ยกบุคคลผู้เป็นอาจารย์เป็นที่ตั้งแห่งการว่ากล่าวโอวาทสั่งสอน โดยพระองค์ได้กล่าวถึงคุณค่าของผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์ไว้ ๓ ประการดังนี้
๑. อาจารย์ใดแนะนำให้ศิษย์ตั้งอยู่ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ศิษย์ใดได้รู้จักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จากอาจารย์ใด อาจารย์นั้นได้ชื่อว่า เป็นผู้มีพหุปการะ หรือการกระทำที่เป็นอุปการะอันมากแก่ศิษย์นั้น
๒. อาจารย์ใดเป็นผู้บอกศิษย์ว่า สิ่งนี้คือทุกข์ สิ่งนี้คือเหตุของทุกข์ สิ่งนี้คือความดับทุกข์ สิ่งนี้คือข้อปฏิบัติเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ ศิษย์ใดที่ได้รับโอวาทคำกล่าวสอนว่า สิ่งนี้คือทุกข์ สิ่งนี้คือเหตุแห่งทุกข์ สิ่งนี้คือความดับทุกข์ สิ่งนี้คือข้อปฏิบัติเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ ศิษย์นั้นได้ชื่อว่า เป็นผู้มีองค์คุณ มีคุณต่อครูอาจารย์ ครูอาจารย์ก็มีคุณต่อศิษย์นั้น อาจารย์นั้นได้ชื่อว่า เป็นผู้กระทำพหุปการะ คือ การกระทำที่มีอุปการะมาก
๓. อาจารย์ใดได้กล่าวสอนโอวาท ๑๐ เพื่อให้เกิดเจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะไม่ได้ ศิษย์ใดที่ได้รู้แจ้งถึงเจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะไม่ได้ ศิษย์นั้นได้ชื่อว่า เป็นผู้กระทำคุณ ผู้รู้คุณต่อครูบาอาจารย์ อาจารย์ได้ชื่อว่า เป็นผู้กระทำพหุปการะ คือ มีอุปการะมากแก่ศิษย์นั้น
ด้วยองค์คุณนี้ พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า อาจารย์ที่กระทำพหุปการะ คือ กระทำอุปการะมากแก่ศิษย์เช่นนี้ การกระทำของศิษย์เพื่อตอบแทนคุณต่ออาจารย์นั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจของการลุกรับ กราบไหว้ อัญชลี นอบน้อม อุปัฏฐากดูแลด้านใด ๆ ก็ตาม ได้ชื่อว่า เป็นผู้กระทำการตอบแทนคุณนั้นไม่ได้โดยง่าย
โอกาสนี้พวกเราทั้งลูกศิษย์ฝ่ายพระภิกษุสงฆ์ ลูกศิษย์ฝ่ายฆราวาสผู้ประพฤติธรรมได้แสดงออกถึงความนอบน้อมสักการะต่อครูอาจารย์ ชื่อว่าเป็นการกระทำคุณตอบแทนต่อครูอาจารย์ในฐานะแห่งความเป็นศิษย์
ความเป็นศิษย์กับครูอาจารย์เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกมาแต่ครั้งพุทธกาลหรือกาลไหน ๆ การเกิดขึ้นของมนุษย์ เป็นการเกิดขึ้นมาด้วยความไม่รู้ จึงต้องมาศึกษาเรียนรู้ แสวงหาความรู้ต่าง ๆ บนโลกใบนี้ หากไม่มีครูบาอาจารย์ให้ความรู้ บุคคลที่เกิดขึ้นมาก็จะดำเนินชีวิตอยู่ในโลกแบบขาดความรู้ การใช้ชีวิตแบบขาดความรู้ย่อมทำให้ประสบกับความทุกข์ต่าง ๆ นานามากมาย
มนุษย์ดำเนินชีวิตอยู่ในโลกอย่างไม่รู้ว่า วันข้างหน้าจะประสบกับอะไร แต่เมื่อมีความรู้อยู่ภายในตน ก็จะสามารถใช้ความรู้นั้น ปฏิบัติ แก้ไข รับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในชีวิตได้
ความรู้จึงเปรียบประดุจดั่งแสงสว่างที่สามารถส่องทางแห่งความมืดได้ ความมืดแม้จะมีอยู่ แต่เมื่อความรู้ได้เกิดขึ้นในจิตใจแล้ว ความรู้นั้นก็ได้ชื่อว่า เป็นแสงสว่างภายในใจของเราเอง
พระพุทธองค์ตรัสว่า “นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา ไม่มีแสงสว่างใดเสมอแสงแห่งปัญญา” ความรู้เป็นเครื่องมือนำไปสู่แสงสว่าง แสงสว่าง คือ ปัญญาที่เกิดขึ้นภายในใจ ที่จะทำให้ได้รู้จักความเป็นอยู่ ความเป็นไปของชีวิตเราเอง
ครูอาจารย์จึงถือว่าเป็นผู้ทำอุปการะกับพวกเรา โดยเป็นผู้กล่าวชี้แนะ บอกสอน ทำอุปการะคุณมากมาย เพื่อให้เกิดองค์ความรู้อันจำเป็นต่อการพัฒนาสติปัญญาภายในตัวเราเอง
ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถฉลาดเองได้โดยไม่มีผู้กล่าวสอน ผู้กล่าวสอนจึงเป็นผู้ทรงคุณค่า สิ่งที่ทรงคุณค่าย่อมอยู่กับผู้รู้คุณค่า บุคคลผู้รู้คุณค่าย่อมได้รับสิ่งที่ทรงคุณค่ากับสิ่งที่มีค่านั้น หากการใช้ชีวิตของมนุษย์บนโลกใบนี้ปราศจากครูอาจารย์เป็นผู้คอยบอกสอน มนุษย์ก็จะไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า “ผิดหรือถูก” ได้
“ผิดหรือถูก” เป็นของประจำโลก เมื่อเราเกิดขึ้นมาในโลก เราก็ต้องประสบกับสิ่งที่เรียกว่า ผิด หรือ ถูก แต่โดยลำพังตัวเราเองแยกผิดหรือถูกด้วยตัวเองไม่ได้ เพราะธรรมชาติของมนุษย์จะเข้าข้างตัวเอง ผิดก็บอกว่า “ไม่ผิด” “ถูก” ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร การมีครูบาอาจารย์คอยชี้บอกว่า สิ่งนี้คือความผิด ควรงดเว้น สิ่งนี้คือความถูก ควรกระทำให้ยิ่ง ๆ ขึ้น ย่อมเป็นการสร้างประโยชน์แก่พวกเรา และถือว่า เป็นประโยชน์อันมากมายมหาศาลที่จะนำพาชีวิตของเราไปอยู่ในจุดที่ถูกต้องได้
ฉะนั้น ความเป็นศิษย์กับครูบาอาจารย์จะไม่มีทางหายไปจากโลกมนุษย์นี้ อย่างไรก็ตามก็ต้องมีศิษย์และครูบาอาจารย์อยู่กับโลกนี้ไปตลอดอนันตกาล
ในบรรดาอาจารย์ผู้กล่าวสอนศิษย์ทั้งหลาย อาจารย์ผู้กล่าวสอนศิษย์ให้รู้จักสิ่งที่เรียกว่าทุกข์ ให้รู้จักสิ่งที่เรียกว่า เหตุของทุกข์ ให้รู้จักสิ่งที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ ให้รู้จักข้อปฏิบัติที่ปฏิบัติแล้วสามารถดับทุกข์ได้ อาจารย์นั้นได้ชื่อว่า เป็นผู้ชี้ทางแห่งการยุติความทุกข์ทั้งปวงในจิตใจของศิษย์
ศิษย์เหล่าใดเป็นผู้ประพฤติตาม และนำหลักคำสอนนี้เข้าไปสู่การทำให้แจ้งในภายใน ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้กระทำคุณตอบแทนครูบาอาจารย์ได้อย่างถึงที่สุด เพราะการกระทำคุณตอบแทนผู้ใดนอกเหนือจากนี้ พระพุทธองค์ตรัสว่า ไม่สามารถกระทำการตอบแทนได้ง่าย ๆ นอกจากการประพฤติตนตามหลักคำสอนที่ครูอาจารย์นั้นได้ชี้ทางและบอกทางให้
ในโอกาสนี้พระอาจารย์ได้เห็นการแสดงออกของลูกศิษย์ทั้งหลาย ฝ่ายพระภิกษุสงฆ์ ฝ่ายฆราวาสที่ได้มีน้ำจิตน้ำใจอันงามเดินทางมาที่นี่ ต่างคน ต่างสถานที่ ต่างจิตต่างใจ แต่มุ่งมาสู่จุดเดียวกัน เพื่อแสดงออกถึงความนอบน้อมต่อครูอาจารย์ เนื่องด้วยได้รับรู้และเห็นแล้วว่า องค์คุณที่ครูอาจารย์คอยบอกสอนทางธรรมนั้นเป็นที่ประจักษ์และรับรู้แก่จิตแก่ใจของเราอย่างไร
เมตตาธิคุณ กรุณาธิคุณ ปัญญาธิคุณต่าง ๆ ที่ครูบาอาจารย์มี ก็ได้มอบไว้ให้แก่พวกเรา ให้ได้รับสืบทอดไปสู่ภายในตัวเราเอง และหากเป็นไปได้ ก็มอบสิ่งเหล่านี้ไปถึงแก่คนอื่น พระพุทธเจ้าจึงตรัสสรรเสริญบุคคลผู้นำธรรมของพระพุทธองค์ไปบอกสอนต่อบุคคลอื่น บุคคลใดก็ตามที่รู้ธรรม แต่ไม่ยอมบอกสอนผู้อื่น พระพุทธองค์ไม่ทรงสรรเสริญ แม้พระอาจารย์เองก็มีความรู้สึกอย่างนั้น เพราะหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลทั้งหลายที่เกิดขึ้นมา
เมื่อเรามีความทุกข์ นั่นหมายถึงไม่ใช่เฉพาะเราเท่านั้นที่มีความทุกข์ คนอื่นก็มีความทุกข์เช่นกัน เมื่อเราสามารถรู้และเข้าใจวิถีทางแห่งการแก้ไขปัญหาและดับทุกข์ได้ นั่นคือโอกาสสำคัญที่เราจะแนะคนอื่นที่จะให้เขามีทางออกในการดับทุกข์ได้
โอกาสนี้พระอาจารย์ได้เห็นความสำคัญที่พวกเราทั้งหลายได้ยกให้พระอาจารย์เป็นผู้ว่ากล่าว บอกสอน ตักเตือน แนะนำ ชี้ถูกชี้ผิดให้แก่เรา อาจจะรับฟังกันเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ดื้อบ้าง ทำตามบ้าง บ่นอยู่ในใจบ้าง ก็ถือว่านั่นคือลักษณะของการสอนกัน พระอาจารย์ก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญ เพราะถือว่าพวกเราเป็นลูกศิษย์ที่อาจจะยังไม่เข้าใจอะไรมากพอ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปของคน แต่สิ่งที่พระอาจารย์ได้เห็นก็คือ แม้จะถูกว่ากล่าว ดุด่า ตักเตือนอย่างไรก็ตาม พวกเราก็ยังแสดงออกถึงความเคารพนอบน้อม และยกให้เป็นครูอาจารย์ในใจของพวกเราอยู่เสมอ
พระอาจารย์ขออธิษฐานถึงอำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวอันเป็นพระรัตนตรัยแก้วอันประเสริฐ ๓ ประการที่ทรงคุณค่าต่อพวกเราชาวพุทธทั้งหลาย และเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของทุกคน ขออานุภาพแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นี้จงอำนวยผลกิริยาแห่งความนอบน้อม กิริยาแห่งการกล่าวสักการะ กิริยาแห่งการแสดงออกถึงน้ำจิตน้ำใจที่พวกเราแสดงออกร่วมกันทุกคน ขอกิริยาแห่งบุญทั้งหมดทั้งมวลนี้ จงเป็นมหันตเดชานุภาพ อำนวยอวยพรตอบสนองให้พวกเราทุกคนเกิดสติปัญญา รู้แจ้งอริยสัจธรรมเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ พ้นจากความทุกข์ พ้นจากความเดือดร้อน พ้นจากเวรภัย ปราศจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ประสบความสุขความเจริญตลอดกาลปัจจุบันและเบื้องหน้าทุกท่านเทอญ…
จารุวณฺโณ ภิกฺขุ (พระอาจารย์ต้น)