Dhammanava
Menu
  • Home
  • คอร์สอบรมตามแนวทาง ธรรมนาวา “วัง”
  • พระอาจารย์
    • พระอาจารย์จารุวณฺโณ ภิกฺขุ
    • พระอาจารย์คุณวโร ภิกฺขุ
    • พระอาจารย์ชาครธมฺโม ภิกฺขุ
    • หลวงพ่อภูริปญฺโญ ภิกฺขุ
  • Books/หนังสือ
  • FILE VDO/สื่อวีดีโอ
  • ค้นหาธรรม
  • FAQ
  • TikTok
  • Facebook
  • YouTube
  • MP3
  • Line@
  • ติดต่อ/Contact
    • สถานที่ศึกษาธรรม
Menu

Day: February 22, 2023

# อุบายที่ควรนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ

Posted on February 22, 2023February 22, 2023 by Prawit Wachirayano

๑. ระลึกถึงความตายให้เกิดความสังเวชใจว่า ชีวิตเรามีความตายเป็นที่สุด ก่อนที่จะตายเราได้กระทำสิ่งที่ควรกระทำให้สำเร็จประโยชน์แล้วหรือยัง เพราะเมื่อตายไปแล้วเราจะไม่สามารถกระทำสิ่งที่พึงกระทำในโลกนี้ได้อีก ๒. พิจารณาความเสื่อมความสิ้นของชีวิตว่า ชีวิตเราทั้งชีวิตเป็นเพียงสภาพของความเสื่อมความสิ้นที่เกิดสืบเนื่องกันไปจนถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต อย่าสำคัญมั่นหมายในชีวิตเป็นจริงเป็นจังมากเกินไป เพราะกายกับจิตเป็นเพียงองค์ประกอบที่อิงอาศัยกันอยู่ ไม่มีความมั่นคงอยู่แม้สักขณะหนึ่งเลย เกิดแล้วก็ดับไปในทันที หากยึดมั่นถือมั่นในกายสังขารมากเกินไป ก็ไม่มีอะไรที่จะยึดได้ตามการยึดมั่นถือมั่นนั้นเลย ปรากฏให้เห็นแต่ความเสื่อมความสิ้นอยู่ตลอดเวลา จึงควรที่จะหาวิธีการปล่อยวางอยู่เสมอ ๓. ระลึกอยู่ว่า การเกิดเป็นมนุษย์ของเรานี้ถือว่าเป็นบุญเก่าที่ส่งผลมาจากปางก่อน การใช้ชีวิตอยู่ในเวลานี้จึงเป็นการใช้ชีวิตที่อาศัยบุญเก่าอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ควรให้ชีวิตในแต่ละวันล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์ หมั่นพิจารณากายสังขารและจิตสังขารที่เกิดจากบุญเก่านี้ว่า บุญจัดเป็นสังขารฝ่ายดี แม้จะดียังไงก็ตามขึ้นชื่อว่าสังขารแล้วย่อมเป็นของไม่เที่ยง สิ่งที่ไม่เที่ยงย่อมเป็นทุกข์ สิ่งที่เป็นทุกข์ย่อมไม่ควรยึดถือว่าเป็นตน เมื่อกายกับจิตของเราในเวลานี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากบุญเก่า บุญเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ตัวเราก็ไม่เที่ยง บุญเป็นสิ่งที่ไม่คงอยู่ในสภาพเดิม ตัวเราก็ไม่คงอยู่ในสภาพเดิม(ให้มองเห็นความไม่คงอยู่ในสภาพเดิมของชีวิต) บุญเป็นสิ่งที่หมดสิ้นไปได้ ตัวเราก็หมดสิ้นไปได้เหมือนกัน พิจารณาดูจริงๆแล้วเรายึดถือไม่ได้อะไรเลยนอกจากการปล่อยวาง ๔. พิจารณากายได้มากเท่าไหร่ ก็ถอนความเห็นผิดได้มากเท่านั้น คิดไปในเรื่องโลกมากเท่าไหร่ก็หลงไปกับโลกมากเท่านั้น หมั่นพิจารณากายให้คุ้นเคยกับจิตอยู่บ่อยๆ จะช่วยให้จิตคลายอุปาทานได้มากขึ้น ๕. พยายามขบตีความหมายทางธรรมด้วยสติปัญญาให้จิตเข้าถึงข้อ ธรรมนั้นๆอย่างถ่องแท้ จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้ธรรมเห็นธรรมจริงๆ ๖. พิจารณาให้เห็นความเป็นธรรมดาของโลกอยู่เสมอ เช่น ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา ความสำเร็จก็เป็นเรื่องธรรมดา ความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา ความสุขก็เป็นเรื่องธรรมดา นินทาเป็นเรื่องธรรมดา สรรเสริญก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่างนี้เป็นต้น ๗….

Read more

# เราชื่อว่า..พุทธศาสนิกชน

Posted on February 22, 2023February 22, 2023 by Prawit Wachirayano

เราเป็นบุคคลผู้ชื่อว่า ”พุทธศาสนิกชน” ถ้าหากสามารถเรียนรู้ทำความเข้าใจมรรคมีองค์แปด แล้วนำมาปฏิบัติเพื่อให้ถึงความพ้นทุกข์ได้ จะได้ชื่อว่า “สงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” เราจะเป็นบุคคล ผู้ปฏิบัติเป็นสงฆ์เองพึ่งตัวเราเองในการออกจากกองทุกข์ เราจะไม่เคลื่อนจากพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ แต่ถ้าเราไปพึ่งอะไรก็ตามที่ไม่ใช่พุทธรัตนะ อย่างเช่นอะไรสิ่งที่กำไว้ในคอเนี่ย เราจะไม่เป็นสังฆรัตนะด้วย . คือเราจะไม่ใช่ผู้ปฏิบัติออกจากกองทุกข์ด้วย เราจะไม่สามารถเข้าไปเห็นสัจจะตามความเป็นจริงได้ . สมมติอุบัติเหตุตู้มตอนนี้ ขอหลวงปู่ช่วยหน่อย ไหนบอกว่าเรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา มีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดาใช่ไหม . เราจะไม่เห็นความเป็นธรรมดาเหล่านี้ ถ้าเราเคลื่อนออกจากพุทธรัตนะแล้วไปพึ่งพวกนี้ ไม่ได้ อย่างนี้ . เราจะเคลื่อนออกจากความเป็นสังฆะ คือการปฎิบัติตนเพื่อการเป็นสงฆ์สาวกของพระองค์เนี่ย เราจะไม่สามารถปฏิบัติได้ เคลื่อนออกจากสังฆรัตนะแบบนี้ แล้วเราจะไม่สามารถพ้นไปจากความทุกข์ได้ อันนี้ยืนยัน . บุคคลผู้พึ่งสิ่งอื่น จะไม่สามารถพ้นไปจากทุกข์ได้

Read more

# เชื่ออย่างไรให้เกิดปัญญา

Posted on February 22, 2023February 22, 2023 by Prawit Wachirayano

เชื่อพระปัญญาการตรัสรู้ความจริงแห่งสัจธรรมของพระพุทธองค์ เชื่อพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ และเชื่อความเป็นอริยสงฆ์ อันเกิดจากการปฏิบัติตามพระธรรมของพระพุทธองค์ . ***ไม่ใช่เชื่อพระพุทธเจ้าในรูปแบบวัตถุปลุกเสก เชื่อพระธรรมด้วยการสวดมนต์อ้อนวอน และเชื่อพระสงฆ์เพราะอำนาจการปลุกเสกด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ . ความเชื่อการดลบันดาลจากอำนาจลึกลับ และเฝ้าคอยอธิษฐานอยู่หน้าองค์พระปฏิมาหลังจากสวดมนต์ทำวัตรเสร็จ เป็นวิถีชีวิตที่ไม่คืบหน้า และผิดจากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่ตรัสไว้ว่า “นัตถิ ปัญญา สมา อาภา แปลว่า ไม่มีแสงสว่างใดเสมอแสงแห่งปัญญา” จากหนังสือ “ชีวิต จิต มนุษย์ ภาวนา” ของพระจารุวณฺโณ ภิกฺขุ (พระอาจารย์ต้น)

Read more
  • :
  • :
คำอธิษฐานถึงพระรัตนตรัย เสียงพระอาจารย์ต้น
https://dhammanava.net/wp-content/uploads/2024/09/บทพิจารณากาย.mp4
แนวทางปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์
กิจกรรมวัยรุ่นฟังธรรม

ธรรมะเพื่อการรู้แจ้ง

 

https://flamboyant-heyrovsky.45-154-25-3.plesk.page/wp-content/uploads/2022/12/ฝึกหัดปฏิบัติ-ทาน-ศีล-สมาธิ-ปัญญา-เพื่อเตรียมพร้อม-พระอาจารย์ต้น_01082020.m4a
February 2023
M T W T F S S
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728  
« Jan   Mar »
©2025 Dhammanava