เมื่อสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป เราควรระลึกถึงคุณค่าของบุคคลที่จากไปมากกว่าการที่จะเศร้าโศกเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น … คุณค่าของบุคคลคนนั้นที่เราเกี่ยวโยงผูกพันด้วย แม้เขาจะจากไปแล้ว แต่ความทรงจำในเรื่องราวของเขายังคงอยู่ในใจของเรา ความทรงจำอันเป็นคุณค่านี้เองที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขายังอยู่กับเรา เขาจากไปเพียงร่างกายเท่านั้น เราต้องยอมรับเรื่องการสูญเสียว่า มันคือความจริงที่เกิดขึ้นได้กับทุกผู้คน การตระหนักรู้ถึงคุณความดีที่เกี่ยวข้องกันมา ความสัมพันธ์ที่ดีของผู้ที่จากไป คุณประโยชน์ที่ได้กระทำต่อกันมาตลอดระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่ การระลึกถึงและตระหนักถึงคุณค่าของเขานี้ เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการเศร้าโศกจากการสูญเสียเขาไป แล้วเราจะรับรู้ได้ว่า เราไม่ได้เสียใครไป โดยผู้ที่จากไปก็ยังเกี่ยวโยงทางด้านจิตใจอยู่กับเราดังเดิม …. ____________ จารุวณฺโณ ภิกฺขุ #พระอาจารย์ต้น #ธรรมรส #พลังธรรม #ปัญญาธรรม #ธรรมสอนใจ
Month: September 2023
#ผลประจักษ์กับพระรัตนตรัย
น้อมกราบนมัสการพระอาจารย์ต้นด้วยความเคารพอย่างยิ่งเจ้าค่ะ หนูมาขอบคุณพระคุณพระอาจารย์ด้วยความปิติและเลื่อมใสศรัทธาในพระธรรมคำสอน ตามแนวทางที่พระอาจารย์สอนค่ะ เพราะสามารถทำให้ประพฤติปฏิบัติตามใช้ในชีวิตได้จริง เริ่มต้นด้วยการระลึกถึงพระรัตนตรัย ตั้งแต่หนูมีที่พึ่งทางจิตใจอย่างแท้จริง คือพระรัตนตรัยแล้ว หนูรู้เลยว่า องค์คุณของพระรัตนตรัยที่พระอาจารย์พยายามเมตตาสอนทุกคนมาโดยตลอดนี้ มันช่างประเสริฐทรงคุณค่าหาประมาณไม่ได้จริงๆค่ะ เพราะหนูได้น้อมนำมาระลึกอยู่ในจิตในใจอยู่เสมอทุกขณะจิตที่จะระลึกได้ ทำให้หนูได้เข้าถึงพระรัตนตรัยอย่างแนบแน่นในจิต มันทำให้รู้เลยว่าจิตที่มีพระรัตนตรัยตอนนี้ กับเมื่อก่อนที่ยังไม่มี ช่างเป็นจิตที่แตกต่างกันมากอย่างเห็นได้ชัดกับตัวเอง เมื่อก่อนตอนที่จิตไม่มีพระรัตนตรัย เป็นจิตที่หลงไปกับอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดเรื่อยเปื่อยจากความจำในอะดีดบ้าง อนาคตบ้างที่ทำให้ตัวเองทุกข์มากและไหลไปได้ทั้งวันโดยไม่รู้ตัวเลย จนทำให้เป็นโรคเครียดไมเกรนที่ต้องกินยาติดต่อเนืองเป็นปีๆและยังส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายต่ำจนเกิดเป็นโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจอีกตามมาเป็นระยะเวลา4-5ปีเลย ที่ยังต้องรักษาใช้ยาเป็นประจำ และในที่สุดเดชะบุญก็ได้มาเจอคำสอนของพระอาจารย์ต้น ครั้งแรกในไฟล์สดของคุณครูเงาะเมื่อปีที่แล้วค่ะ จากการรักชื่นชอบครูเงาะและติดตามอยู่ และได้นำการระลึกถึงพระรัตนตรัยที่พระอาจารย์สอนไปใช้ดูอย่างจริงจัง และในที่สุดก็ได้รับผลคือ อาการไมเกรนหายขาดแบบไม่ต้องกินยาและไม่เกิดอีกเลยเป็นปีๆตั้งแต่ระลึกถึงพระรัตนตรัย และเวลามีอาการเจ็บป่วยอะไรเกิดขึ้น ก็จะไม่ไปเป็นทุกข์ตามอาการเจ็บป่วยนั้น เหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้จิตมีที่พึ่งคือพระรัตนตรัยแล้ว รับรู้ได้เลยว่า จิตใจมั่นคงกล้าหาญมากขึ้น ไม่กลัวที่จะเจอทุกข์ และความทุกข์ในจิตใจกลับน้อยลงค่ะ พระรัตนตรัยให้สติให้ปัญญาอย่างแท้จริง เป็นเส้นทางที่ให้เรายึดพึ่งได้จริง หนูรู้สึกปิติอย่างยิ่ง ที่ยังพอมีบุญได้พบกับพระรัตนตรัย พบกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่มีเมตตาสูงมาก ที่คอยออกมาไลฟ์ให้ความรู้ ให้สติให้ปัญญาอยู่เสมอ หนูขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ต้นและขอให้ธาตุขันธ์พระอาจารย์แข็งแรงนะคะ และขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ทุกรูปทุกองค์ในเพจธรรมนาวาค่ะ ขอบพระคุณคุณครูเงาะที่ทำให้หนูมีโอกาสได้เจอกับพระอาจารย์ต้นและเพจธรรมนาวาค่ะ ขอยึดพึ่งพระรัตนตรัยหนึ่งเดียวตลอดสิ้นชีวิตและขอให้พระรัตนตรัยเป็นเครื่องนำทางตราบเข้าถึงธรรมอันเป็นที่สิ้นทุกข์ทั้งปวงคือพระนิพพานค่ะ สาธุ และจะขอประพฤติปฏิบัติขัดเกลาจิตใจตนให้ถึงที่สุดตามกำลังสติปัญญาของหนูที่มี เพื่อประพฤติตามแนวทางที่พระอาจารย์ต้นได้เมตตาสอนไว้ตามขั้นตอนไว้แล้ว ในหนังสือแนวทางชาวพุทธค่ะ ตั้งแต่เด็กจนโตหนูพึ่งได้ยินได้ฟังธรรมมะที่สอนแบบนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตเลย แบบที่พระอาจารย์ต้นสอน ฟังแล้วเข้าใจได้เข้าง่าย…
#หลักการแผ่เมตตาโดยพระอาจารย์ต้น …
การแผ่เมตตา ไม่ได้แผ่เมตตาเพื่อให้ใครหยุดก่อกวนเรา พระพุทธเจ้าทรงบอกให้เราแผ่เมตตาเพื่อสอนให้จิตของเราไม่มีเวรต่อผู้อื่น … ประโยชน์ของการแผ่เมตตา คือ ไม่ให้จิตของเราไปกระทำในสิ่งที่เป็นเวร อันได้แก่ การคิดร้าย การมุ่งร้าย การปรารถนาร้าย เพ่งโทษ คิดไม่ดีต่อคนอื่น ๆ ….. การแผ่เมตตาจึงเป็นการระวังใจของเราไ่ม่ให้ก่อเวร … ส่วนคนอื่นจะก่อเวรต่อเราก็ให้เขาเป็นไป แต่เราจะต้องไม่มีจิตคิดที่จะเป็นเวรกับคนอื่น … ใครจะโกรธเราก็ให้โกรธไป ใครโกรธคนนั้นก็ทุกข์ ความโกรธของเขาเป็นเรื่องของเขา ความโกรธเกิดขึ้นกับเขา ไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา … สำหรับผู้ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวพันกันมาก่อนจากอดีตชาติ เมื่อแผ่เมตตาแล้ว อำนาจแห่งการแผ่เมตตาจะไปสลายสัญญาณความเพ่งโทษ ความไม่พอใจ ความโกรธแค้น ความขุ่นเคืองเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้ความโกรธที่มีให้กันนั้นลดลง หรือยุติไป … แต่หากใครเป็นคู่ก่อเวรกันมาแต่ปางก่อน ซึ่งเรียกว่า “คู่เวร” กัน ต่อให้แผ่เมตตามากมายเพียงใด ก็ไม่สามารถทำให้ความโกรธที่มีต่อกันลดลงได้… ต้องเข้าใจว่า “เมตตา” จะปกป้องคุ้มครองเรา แต่หากมีเวรต่อกันมาก่อน เมตตาจะช่วยเพียงบั่นทอนเวรที่มาถึงให้เบาบางลงได้เท่านั้น … ในส่วนของคู่เวรที่มีลักษณะเป็นคู่เวรหนัก ๆ จะให้เวรสิ้นไปด้วยการแผ่เมตตาไม่ได้ เกิดอีกก็ต้องเจอกันอีก เวร…
#จับความโกรธลงขันธ์
…เมื่อความโกรธ ถาโถม จู่โจมจิต ใช้ปัญญา เพ่งพินิจ จับลงขันธ์ โกรธเกิดขึ้น เปรียบดังไฟ บรรลัยกัลป์ จิตแห่งธรรม์ ตั้งกองขันธ์ ใช้ภาวนา …จิตที่เห็น อารมณ์โกรธ กระพือโหม เข้ารันโรม ร้อนรุ่ม ดั่งยักษา พฤติกรรม ก้าวร้าว ทั้งกายา ทั้งดวงตา สีหน้า และท่าทาง …ใช้ปัญญา จับอารมณ์ ในขณะ ที่ผัสสะ ปรุงแต่งต่อ เติมแตกต่าง จิตผู้รู้ เห็นอารมณ์ ไม่เลือนลาง แล้วจับวาง ลงสังขาร ในขันธ์ห้า.. …ใจเต้นสั่น ระรัว มัวหมกมุ่น ใจร้อนรุ่ม กระวนกระวาย ไม่หรรษา แรงบีบเค้น ให้ใจ เกิดเวทนา ใช้ปัญญา พิจพิเคราะห์ ให้เห็นจริง …ทั้งจดจำ นำพา อารมณ์โกรธ ฟ้าพิโรธ โกรธไป ไม่หยุดนิ่ง แม้เหตุการณ์…
#สติ
คำถาม: คนที่ขี้ลืมจัดว่าเป็นคนไม่มีสติหรือไม่ พระอาจารย์ต้น: ขี้ลืมมันเป็นภาวะบางอย่าง ไม่เกี่ยวกับสติ ขี้ลืม มันอาจจะเกี่ยวกับพยาธิสภาพทางร่างกายที่บกพร่องในด้านของความทรงจําก็มี ไม่ได้เกี่ยวกับการขาดสติ . . เพราะ “สติ” ในความหมายของพระพุทธศาสนา คือ “สติที่รู้เห็นความเกิดความดับ” ไม่ใช่ว่าไปจําเรื่องนั้น จําเรื่องนี้ไว้ สติที่รู้เห็นความเกิดความดับอันนี้ ผู้ที่มีสติคือผู้ไม่หลงลืมความจริงว่าทุกสิ่งเกิดและดับแน่นอน สติจะไม่หลงลืมตรงนี้ แต่หลงลืมเรื่องอื่น มันเป็นการหลงลืมอยู่แล้ว มันมีอยู่ มันเกิดขึ้น . . พระอานนท์ก็ขี้ลืมเหมือนกัน จนพุทธองค์อนุญาตในความลืมนั้น ไม่ให้ต้องอาบัติ เช่น พระองค์บอกว่าพระภิกษุจะต้องมีผ้าสังฆาฏิติดตัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ห้ามออกจากผ้าสังฆาฏิเลยนะ คือห่างได้ไม่เกินหนึ่งช่วงแขน ถ้าห่างจากตัวนะ นอกนั้นต้องให้ติดตัว . . สังเกตได้เราไปที่ไหนเราจะเห็นมีพระจะพาดสังฆาฏิไปด้วยทุกที่ มีอยู่คราวครั้งหนึ่ง พระอานนท์น่ะลืม ไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน แล้วไม่ได้เอาผ้าสังฆาฎิติดไปด้วย ภิกษุทั้งหลายก็กราบทูลเรื่องนี้กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เรียกพระอานนท์ไปว่า “ทําไมเธอถึงไม่ได้นําผ้าสังฆาฏิติดตัวไป” พระอานนท์ก็บอก “ข้าพระองค์ลืมพระเจ้าค่ะ” ขนาดว่าผู้เลิศในด้านทรงจําแล้วนะ ยังลืมได้ นั่นหมายความว่า”ความลืม” เป็นเรื่องธรรมชาติมนุษย์ ไม่ได้ผิดปกติอะไร จากคลิปพระอาจารย์ต้นสนทนาธรรมกับครูเงาะ _211113 (ประมาณนาทีที่ 07.19)
#ต้องเข้าใจ
ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามบนโลกนี้ สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องทำความเข้าใจอยู่เสมอก็คือ… #เราอยู่ในโลกนี้กับผู้คนที่ไม่ได้เต็มไปด้วยเหตุผล #แต่เราอยู่ในโลกนี้กับผู้คนที่เต็มไปด้วยอารมณ์ เราจึงควรยกจิตตนเองให้อยู่เหนืออารมณ์ จะได้ไม่ต้องตกเป็นทาสของอารมณ์อยู่บ่อย ๆ … จารุวณฺโณ ภิกฺขุ
#ตัวตนของเราไม่ได้มีอยู่จริง
ตัวตนของเราที่มีอยู่ตอนนี้ เป็นเพียงสภาพอันหนึ่งที่สืบต่อกันด้วยเหตุปัจจัยหลาย ๆ อย่าง จึงมีตัวตนขึ้นมา ตัวตนที่ถูกประกอบกันขึ้นนั้นมีอยู่จริง แต่มีอยู่จริงเพื่อแตกสลาย ไม่ได้มีอยู่เพื่อความยั่งยืน ไม่ได้มีอยู่เพื่อความเที่ยงแท้ถาวร เพราะไม่มีตัวตนใด ๆ เลยที่ยั่งยืนถาวร ตัวตนทุกอย่างดำเนินไปสู่ความแตกสลายทั้งสิ้น เมื่อพิจารณาถึงที่สุดแห่งความแตกสลายของจิตอยู่บ่อย ๆ จึงได้มีความเห็นอันถูกต้องขึ้นมาว่า เราไม่มีในอดีต เราไม่มีในอนาคต เราไม่มีในปัจจุบัน ขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ คือ อวิชชา เมื่ออวิชชาดับ ทุกข์จึงดับ มรรค ๘ เป็นหนทางดับอวิชชา การมีอยู่ของขันธ์ ๕ มาจากกระบวนการสืบต่อด้วยเหตุและปัจจัยเท่านั้น จารุวณฺโณ ภิกขุ (พระอาจารย์ต้น) #AjahnTon‘ ที่มา : https://www.facebook.com/369179893454876/posts/1705232403182945
ทำจริงๆจังๆ
ทำจริงๆจังๆ แต่ไม่ “สำคัญมั่นหมาย” ในความเป็นจริงเป็นจัง คือ…ทำด้วยการปล่อยวาง แต่ทำจริงนะ ทำจริง ทำจริงแบบเต็มที่เลยกับการกระทำ กับการปฏิบัติ แต่ทำเสร็จแล้ว ผลของการกระทำในด้านความเป็นจริงนั้น สัจธรรมสอนให้เราได้รู้ว่า… เราไม่สามารถยึดถือความเป็นจริงเป็นจัง หรือสำคัญมั่นหมายในสิ่งที่ทำทั้งหมด ให้เป็นจริงเป็นจังอย่างนั้นได้เลย สำคัญมั่นหมายไม่ได้ แต่สำคัญมั่นหมายไม่ได้ ถ้าสำคัญมันหมายเมื่อไหร่ ก็ผิด ฟังฉบับเต็มได้ที่ลิ้งค์ https://youtu.be/Zfvkv8m9oYw?si=K7VRRDWfwe9LQNLP
#คนมีปัญญา
คนมีปัญญา คือคนที่ไม่ทำตัวเองให้มีความทุกข์ หรือไม่ปล่อยให้ตัวเอง จมอยู่กับความทุกข์ หรือไม่สร้างความทุกข์ขึ้นในจิตตัวเอง . . มันดีเหรอ การสร้างความทุกข์ในจิตตัวเอง มันเปลี่ยนได้ ก็ต้องเปลี่ยนใช่ไหมล่ะ แก้ได้ก็ต้องแก้ . . เรื่องเดิม ปัญหาเดิม แต่พลิกใหม่ ด้วย “จิต