ปุจฉา : คุณแม่ป่วยติดเตียง ตอนที่ยังสบายดีไม่ชอบฟังธรรม ไม่ชอบเข้าวัด แต่ท่านมีจิตใจอ่อนโยน ชอบทำทาน ชอบช่วยเหลือคน โยมใช้วิธีเอาของที่จะตักบาตรให้คุณแม่จบที่ศีรษะ ท่านก็ทำตาม เห็นท่านทำปากขมุบขมิบ
โยมควรพูดอะไรให้ท่านระลึกถึงพระพุทธเจ้าหรือพระรัตนตรัยให้อยู่ในจิตท่านดีคะ กราบขอคำแนะนำค่ะ
พระอาจารย์พนมพร : ควรบอกพระรัตนตรัยให้ท่าน จะเป็นการดีที่สุด
ส่วนเรื่องของการทำทานก็ให้ทำตามปกติ อย่างน้อย ๆ จะทำให้ท่านมีใจยินดีในทานที่ท่านได้ทำ พร้อมทั้งบอกพระรัตนตรัยไปด้วย โดยบอกว่าวันนี้เราจะทำทาน แม่พึงทำจิตให้ยินดีเหมือนตัวแม่เองได้ให้ทาน เพื่อที่จะให้ท่านแสดงความยินดีหรืออนุโมทนาในทานที่ได้ทำ
ให้ท่านระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์บ่อย ๆ
หากท่านสามารถฟังธรรมได้ ควรให้ท่านฟังธรรม ฟังในสิ่งที่เป็นสัจจะ อย่าให้ท่านฟังอะไรที่เรื่อยเปื่อย หรือฟังในสิ่งที่ไร้สาระเกินไป ควรฟังในสิ่งที่เรียกว่าสัจจะ คือ ความจริงอันเป็นความจริง ฟังในสิ่งที่ประเทืองปัญญาของท่าน
ฟังคุณของพระพุทธเจ้าว่า พระองค์ทรงมีคุณอย่างไร
ฟังว่า ธรรมที่พระองค์ทรงแสดงออกมามีอะไรบ้าง
ฟังว่า บุคคลผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมตามพระองค์เป็นบุคคลเช่นไร
นี่คือฟังสิ่งที่เป็นสัจจะ
ทำให้ใจของท่านมีใจดีขึ้นมาให้ได้ ทำให้ท่านเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ให้ได้ จะเป็นการดี นี่จะเป็นการตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ได้อย่างหมดจด
ต่อให้เราเลี้ยงดูท่านตลอดชาตินี้ โดยให้ท่านอยู่บนบ่าซ้ายบ่าขวา เหมือนตอนนี้ที่ท่านติดเตียงอยู่นี้ ต่อให้เราดูแล ประคบประหงม เลี้ยงดูปูเสื่อ ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ชำระร่างกายของท่านให้สะอาดตลอด 100 ปี ก็สู้การให้พระรัตนตรัยแก่ท่านไม่ได้
แม้จะเลี้ยงดู 100 ปีอยู่แบบนี้ ก็ไม่ชื่อว่าตอบแทนบุญคุณ
แต่บุญคุณที่จะตอบแทนได้ คือ ถ้าหากเราสามารถหยิบยื่นพระรัตนตรัยให้แก่ท่านได้ ให้ท่านเข้าถึงพระรัตนตรัยจะเป็นการตอบแทนบุญคุณของท่านได้อย่างสิ้นสุดหมดจด
เมื่อถึงพระรัตนตรัยแล้ว ก็ให้ท่านรู้จักว่าอะไรเป็นธรรม อะไรเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงการปฏิบัติอันสมควรแก่ธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป …
พระอาจารย์พนมพร คุณวโร (เชื่อใชย)