Dhammanava
Menu
  • Home
  • คอร์สอบรมตามแนวทาง ธรรมนาวา “วัง”
  • พระอาจารย์
    • พระอาจารย์จารุวณฺโณ ภิกฺขุ
    • พระอาจารย์คุณวโร ภิกฺขุ
    • พระอาจารย์ชาครธมฺโม ภิกฺขุ
    • หลวงพ่อภูริปญฺโญ ภิกฺขุ
  • Books/หนังสือ
  • VDO/สื่อวีดีโอ
  • ค้นหาธรรม
  • FAQ
  • TikTok
  • Facebook
  • YouTube
  • MP3
  • Line@
  • ติดต่อ/Contact
    • สถานศึกษาธรรมทั้งหมด
Menu

#จับความโกรธลงขันธ์

Posted on September 19, 2023 by Prawit Wachirayano

…เมื่อความโกรธ ถาโถม จู่โจมจิต ใช้ปัญญา เพ่งพินิจ จับลงขันธ์ โกรธเกิดขึ้น เปรียบดังไฟ บรรลัยกัลป์ จิตแห่งธรรม์ ตั้งกองขันธ์ ใช้ภาวนา …จิตที่เห็น อารมณ์โกรธ กระพือโหม เข้ารันโรม ร้อนรุ่ม ดั่งยักษา พฤติกรรม ก้าวร้าว ทั้งกายา ทั้งดวงตา สีหน้า และท่าทาง …ใช้ปัญญา จับอารมณ์ ในขณะ ที่ผัสสะ ปรุงแต่งต่อ เติมแตกต่าง จิตผู้รู้ เห็นอารมณ์ ไม่เลือนลาง แล้วจับวาง ลงสังขาร ในขันธ์ห้า.. …ใจเต้นสั่น ระรัว มัวหมกมุ่น ใจร้อนรุ่ม กระวนกระวาย ไม่หรรษา แรงบีบเค้น ให้ใจ เกิดเวทนา ใช้ปัญญา พิจพิเคราะห์ ให้เห็นจริง …ทั้งจดจำ นำพา อารมณ์โกรธ ฟ้าพิโรธ โกรธไป ไม่หยุดนิ่ง แม้เหตุการณ์…

Read more

#สติ

Posted on September 12, 2023September 12, 2023 by Prawit Wachirayano

คำถาม: คนที่ขี้ลืมจัดว่าเป็นคนไม่มีสติหรือไม่ พระอาจารย์ต้น: ขี้ลืมมันเป็นภาวะบางอย่าง ไม่เกี่ยวกับสติ ขี้ลืม มันอาจจะเกี่ยวกับพยาธิสภาพทางร่างกายที่บกพร่องในด้านของความทรงจําก็มี ไม่ได้เกี่ยวกับการขาดสติ . . เพราะ “สติ” ในความหมายของพระพุทธศาสนา คือ “สติที่รู้เห็นความเกิดความดับ” ไม่ใช่ว่าไปจําเรื่องนั้น จําเรื่องนี้ไว้ สติที่รู้เห็นความเกิดความดับอันนี้ ผู้ที่มีสติคือผู้ไม่หลงลืมความจริงว่าทุกสิ่งเกิดและดับแน่นอน สติจะไม่หลงลืมตรงนี้ แต่หลงลืมเรื่องอื่น มันเป็นการหลงลืมอยู่แล้ว มันมีอยู่ มันเกิดขึ้น . . พระอานนท์ก็ขี้ลืมเหมือนกัน จนพุทธองค์อนุญาตในความลืมนั้น ไม่ให้ต้องอาบัติ เช่น พระองค์บอกว่าพระภิกษุจะต้องมีผ้าสังฆาฏิติดตัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ห้ามออกจากผ้าสังฆาฏิเลยนะ คือห่างได้ไม่เกินหนึ่งช่วงแขน ถ้าห่างจากตัวนะ นอกนั้นต้องให้ติดตัว . . สังเกตได้เราไปที่ไหนเราจะเห็นมีพระจะพาดสังฆาฏิไปด้วยทุกที่ มีอยู่คราวครั้งหนึ่ง พระอานนท์น่ะลืม ไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน แล้วไม่ได้เอาผ้าสังฆาฎิติดไปด้วย ภิกษุทั้งหลายก็กราบทูลเรื่องนี้กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เรียกพระอานนท์ไปว่า “ทําไมเธอถึงไม่ได้นําผ้าสังฆาฏิติดตัวไป” พระอานนท์ก็บอก “ข้าพระองค์ลืมพระเจ้าค่ะ” ขนาดว่าผู้เลิศในด้านทรงจําแล้วนะ ยังลืมได้ นั่นหมายความว่า”ความลืม” เป็นเรื่องธรรมชาติมนุษย์ ไม่ได้ผิดปกติอะไร จากคลิปพระอาจารย์ต้นสนทนาธรรมกับครูเงาะ _211113 (ประมาณนาทีที่ 07.19)

Read more

#ต้องเข้าใจ

Posted on September 10, 2023 by Prawit Wachirayano

ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามบนโลกนี้ สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องทำความเข้าใจอยู่เสมอก็คือ… #เราอยู่ในโลกนี้กับผู้คนที่ไม่ได้เต็มไปด้วยเหตุผล #แต่เราอยู่ในโลกนี้กับผู้คนที่เต็มไปด้วยอารมณ์ เราจึงควรยกจิตตนเองให้อยู่เหนืออารมณ์ จะได้ไม่ต้องตกเป็นทาสของอารมณ์อยู่บ่อย ๆ … จารุวณฺโณ ภิกฺขุ

Read more

#ตัวตนของเราไม่ได้มีอยู่จริง

Posted on September 10, 2023 by Prawit Wachirayano

ตัวตนของเราที่มีอยู่ตอนนี้ เป็นเพียงสภาพอันหนึ่งที่สืบต่อกันด้วยเหตุปัจจัยหลาย ๆ อย่าง จึงมีตัวตนขึ้นมา ตัวตนที่ถูกประกอบกันขึ้นนั้นมีอยู่จริง แต่มีอยู่จริงเพื่อแตกสลาย ไม่ได้มีอยู่เพื่อความยั่งยืน ไม่ได้มีอยู่เพื่อความเที่ยงแท้ถาวร เพราะไม่มีตัวตนใด ๆ เลยที่ยั่งยืนถาวร ตัวตนทุกอย่างดำเนินไปสู่ความแตกสลายทั้งสิ้น เมื่อพิจารณาถึงที่สุดแห่งความแตกสลายของจิตอยู่บ่อย ๆ จึงได้มีความเห็นอันถูกต้องขึ้นมาว่า เราไม่มีในอดีต เราไม่มีในอนาคต เราไม่มีในปัจจุบัน ขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ คือ อวิชชา เมื่ออวิชชาดับ ทุกข์จึงดับ มรรค ๘ เป็นหนทางดับอวิชชา การมีอยู่ของขันธ์ ๕ มาจากกระบวนการสืบต่อด้วยเหตุและปัจจัยเท่านั้น จารุวณฺโณ ภิกขุ (พระอาจารย์ต้น) #AjahnTon‘ ที่มา : https://www.facebook.com/369179893454876/posts/1705232403182945

Read more

ทำจริงๆจังๆ

Posted on September 10, 2023September 10, 2023 by Prawit Wachirayano

ทำจริงๆจังๆ แต่ไม่ “สำคัญมั่นหมาย” ในความเป็นจริงเป็นจัง คือ…ทำด้วยการปล่อยวาง แต่ทำจริงนะ ทำจริง ทำจริงแบบเต็มที่เลยกับการกระทำ กับการปฏิบัติ แต่ทำเสร็จแล้ว ผลของการกระทำในด้านความเป็นจริงนั้น สัจธรรมสอนให้เราได้รู้ว่า… เราไม่สามารถยึดถือความเป็นจริงเป็นจัง หรือสำคัญมั่นหมายในสิ่งที่ทำทั้งหมด ให้เป็นจริงเป็นจังอย่างนั้นได้เลย สำคัญมั่นหมายไม่ได้ แต่สำคัญมั่นหมายไม่ได้ ถ้าสำคัญมันหมายเมื่อไหร่ ก็ผิด ฟังฉบับเต็มได้ที่ลิ้งค์ https://youtu.be/Zfvkv8m9oYw?si=K7VRRDWfwe9LQNLP

Read more

#คนมีปัญญา

Posted on September 8, 2023 by Prawit Wachirayano

คนมีปัญญา คือคนที่ไม่ทำตัวเองให้มีความทุกข์ หรือไม่ปล่อยให้ตัวเอง จมอยู่กับความทุกข์ หรือไม่สร้างความทุกข์ขึ้นในจิตตัวเอง . . มันดีเหรอ การสร้างความทุกข์ในจิตตัวเอง มันเปลี่ยนได้ ก็ต้องเปลี่ยนใช่ไหมล่ะ แก้ได้ก็ต้องแก้ . . เรื่องเดิม ปัญหาเดิม แต่พลิกใหม่ ด้วย “จิต

Read more

#ดับที่ปัญหาหรือดับที่เหตุ

Posted on August 21, 2023August 21, 2023 by Prawit Wachirayano

ปัญญาสัมมาทิฏฐิมีลักษะทำให้เกิดความเห็นถูก อธิบายว่า ปัญหาทุกปัญหาที่เกิดขึ้นจะมีมูลเหตุของมันเสมอ เมื่อได้ประสบกับปัญหาบางอย่าง คนทั่วไปมักจะอยากเข้าไปดับที่ตัวปัญหาก่อน โดยไม่ได้มองถึงสาเหตุที่ก่อปัญหาขึ้นมา การดับปัญหาโดยที่ไม่ได้ดับที่เหตุของมัน ปัญหาจึงไม่มีทางหมดสิ้นได้ ฉะนั้น ควรจะมีการกำหนดรอบรู้ถึงปัญหาแบบสาวหาต้นเหตุแล้วทำความเข้าใจว่าเหตุที่นำมาซึ่งปัญหาจะดับได้หรือไม่ เหตุของปัญหาใดอยู่ในวิสัยที่ดับได้ก็ให้ดับทันที เหตุแห่งปัญหาใดดับไม่ได้ก็ให้กำหนดรู้ไว้ก่อน จนกว่าจะเกิดความรู้ในการดับได้ เมื่อทราบปัญหา ทราบเหตุของปัญหา ทราบการดับปัญหาได้อย่างชัดเจนแล้ว ก็ให้ดำเนินการดับตามความเห็นที่ได้กำหนดทราบไว้อย่างถูกต้องตรงตัว วิธีการดำเนินการดับปัญหานั้นให้แยกปัญหาออกจากเหตุให้ได้ อย่าให้ปัญหากับเหตุปะปนกัน เพราะจะทำให้เราไม่ทราบว่าปัญหาถูกดับที่เหตุหรือที่ตัวปัญหาที่เกิดขึ้นกันแน่ เมื่อแยกปัญหาออกจากเหตุได้แล้ว ก็ให้กำหนดเหตุของปัญหาไว้แล้วแก้ไขเหตุนั้นตามความเป็นจริง โดยเข้าใจตัวเหตุ เข้าใจที่มาของเหตุ เข้าใจที่จะดับเหตุ และเข้าใจที่จะทำเหตุให้สิ้นไป เรื่องนี้ต้องอาศัยความเข้าใจตามแนวอริยสัจเป็นอย่างดีจึงจะแก้ต้นเหตุได้จริงๆ เพราะเหตุบางอย่างแม้ดับได้แล้วก็เกิดใหม่ได้อีก จารุวณฺโณ ภิกฺขุ

Read more

“เฉลิมชนม์พรรษาพระพันปีหลวง
พสกนิกรทั้งปวงล้วนเทิดไท้
สดุดีพระเกียรติก้องจงทรงชัย
ปวงชาวไทยขอพระองค์ทรงพระเจริญ”

Posted on August 11, 2023August 21, 2023 by Prawit Wachirayano

สถานศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย สถานศึกษาธรรมดอยเวียงเกี๋ยงวนา ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จ.เชียงราย สถานศึกษาธรรมป่านาโสกฮัง ต.หนองสามสี อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ สถานศึกษาธรรมป่านาหนองพี่ ต.นาวัง อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ ร่วมถวายพระพรชัยมงคล พระชนม์ยิ่งยืนนาน

Read more

#ว่าโดยหลักของมรรค

Posted on August 6, 2023 by Prawit Wachirayano

มรรค ๘ ว่าโดยหลักแล้ว ‘สัมมาทิฏฐิ’ เป็นประธานของมรรคทั้ง ๘ ข้อ สัมมาทิฏฐิกับสัมมาสังกัปปะจัดเป็น ‘ปัญญา’ สัมมาวาจา กัมมันตะ อาชีวะ วายามะ จัดเป็น ‘ศีล’ สัมมาวายมะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ จัดเป็นเป็น ‘สมาธิ’ หากมองตามมรรคก็จะได้องค์ไตรสิกขาดังนี้ ‘ปัญญา ศีล สมาธิ’ นี่คือความลึกซึ้งของมรรค ๘ หากไม่มีปัญญาเป็นตัวนำ ศีลที่รักษาก็จะเป็นศีลที่ขาดปัญญา สมาธิที่ทำก็เป็นสมาธิที่ไม่มีปัญญา จึงเกิดมีมิจฉาศีล มิจฉาสมาธิ มิจฉาปัญญาขึ้นมา ฉะนั้น เมื่อบุคคลใดที่ดำเนินตามมรรค ๘ อยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา เพียงแต่ในณะที่ดำเนินมรรคอยู่นั้น องค์ของ ศีล สมาธิ ปัญญา ยังไม่เกิดปรากฏเป็นผลขึ้นมารองรับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มี ศีล สมาธิ ปัญญา ในขณะนั้น หากมรรคเต็มเมื่อไหร่ ศีล สมาธิ ปัญญา จะปรากฏชัดขึ้นมาให้เห็น…

Read more

#จะเข้าถึงความเป็นโสดาบันได้อย่างไร

Posted on July 22, 2023July 22, 2023 by Prawit Wachirayano

วิธีปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบัน ไม่มีวิธีที่ตายตัว แต่มีหลักการอยู่ที่ว่า ผู้ที่ละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสได้ ก็จะได้เป็นโสดาบัน ซึ่งหลักการนี้ บ่งบอกความเป็นพระโสดาบันไว้อย่างตายตัวอยู่แล้ว ผู้ปฏิบัติเพียงแค่ทำความเข้าใจเนื้อหาของหลักการนี้ให้ถ่องแท้ด้วยวิธีของตนเอง (แล้วแต่ใครจะมีวิธีการของตนอย่างไร) เนื้อหาที่เราจะต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ด้วยตนเองก็คือ สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดในกาย ที่เรายึดถือว่าเป็นตัวตนของเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนยึดกันมาตั้งแต่วันเกิดอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าก่อนที่จะตรัสรู้ก็ยึดร่างกายเหมือนกันกับพวกเรา เมื่อเรารู้ว่าเรายึดร่างกายอยู่ ก็เป็นความเห็นผิดของเราเองที่ทำให้เราเกิดมีสักกายทิฏฐิ(ความเห็นผิดในกาย) เจริญมากขึ้น ในหลักการบอกว่า ละสักกายทิฏฐิได้ จะเป็นพระโสดาบัน เพราะฉะนั้น วิธีการที่จะละสักกายทิฏฐิ จะต้องฝึกพิจารณากายให้มากๆ (เน้นย้ำ ต้องมากๆนะ) เพื่อถ่ายถอนความเห็นผิดออกจากจิตเรา อย่าเบื่อหน่ายต่อการพิจารณากาย หากเบื่อหน่าย ก็จะถอนสักกายทิฏฐิไม่ได้ การพิจารณากายนั้น ควรจะเป็นการพิจารณาแยกส่วนต่างๆ ของร่างกายเราออก แล้วให้รู้ด้วยปัญญา (ต้องรู้ด้วยปัญญาจริงๆ นะ ไม่ใช่แค่รู้เฉยๆ) จนถ่องแท้แก่ใจของเราเองว่า ร่างกายเป็นเพียงแค่ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม จริงๆ จากนั้น ให้ฝึกดูร่างกายเป็นธาตุ ๔ นี้ไว้จนจิตเกิดการยอมรับว่า ร่างกายเป็นธาตุจริงๆ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล…

Read more

#ความคิดไม่ใช่กิเลส

Posted on July 22, 2023July 22, 2023 by Prawit Wachirayano

ธรรมชาติใดเป็นธรรมชาติคิดธรรมชาตินั้นชื่อว่า “จิต”…………………………….. อัฏฐสาลินีอรรถกถา อธิบายไว้ว่า ธรรมชาติใดย่อมคิด ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า “จิต” ธรรมชาติใดย่อมน้อมไปหาอารมณ์ ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า “มโน” จิตที่รวบรวมอารมณ์ไว้ภายในนั่นแหละชื่อว่า “หทัย” มนะที่เป็นอายตนะ คือเครื่องต่อ จึงชื่อว่า “มนายตนะ” มนะที่เป็นอินทรีย์ คือครองความเป็นใหญ่ จึงชื่อว่า “มนินทรีย์” ธรรมชาติใดที่รู้อารมณ์ ธรรมชาตินั้นชื่อว่า “วิญญาณ” วิญญาณที่เป็นขันธ์ จึงชื่อว่า “วิญญาณขันธ์” มนะที่เป็นธาตุชนิดหนึ่งที่รู้อารมณ์ จึงชื่อว่า “มโนวิญญาณธาตุ”……………………………. จารุวณฺโณ ภิกฺขุ

Read more

#ไม่มีแรงใดเสมอแรงแห่งกรรม

Posted on April 26, 2023April 26, 2023 by Prawit Wachirayano

เมื่อเวลาวิบากกรรมจะให้ผล พลังแห่งกรรมจะเชื่อมโยง บุคคล กาลเวลา สถานที่ เพื่อกระทำเหตุการณ์ให้เกิดขึ้น พลังแห่งกรรมจะดึงบุคคลที่อยู่ในข่ายแห่งวิบากให้เข้ามารับกรรมวิบากร่วมกันอย่างที่คาดคิดไม่ถึง ในโลกนี้ไม่มีใครต้านแรงแห่งกรรมได้ และกรรมจะออกมาในรูปลักษณะไหนนั้น ก็ไม่มีใครที่จะทราบได้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้น ก็มีแต่ต้องก้มหน้าก้มตายอมรับโดยถ่ายเดียว เพราะเป็นทางเดียวที่จะทำให้กรรมนั้นเป็นอโหสิได้(กรรมที่ให้ผลสำเร็จแล้ว) คือ ต้องยอมรับ จะทำอย่างไรได้เล่า ก็ชีวิตย่อมเป็นไปตามกรรมอยู่แล้ว จะโทษกรรมก็ไม่ได้ จะโทษตนเองก็ไม่ถูก จะโทษคนอื่นก็ใช่เหตุ การที่มัวแต่โทษสิ่งนั่นสิ่งนี้อยู่ ย่อมทำให้ชีวิตจมปลักและข้องอยู่กับปัญหา หากจะโทษ ก็ให้โทษวัฏฏสงสารการเวียนว่ายตายเกิด ที่เราหาข้อยุติกับมันไม่ได้ มันเป็นโทษของวัฏฏะโดยแท้ ! ผู้ฉลาดย่อมเรียนรู้ความผิดพลาดมากกว่าที่จะไปโทษความผิดพลาด ฉันใด ผู้ฉลาดย่อมเรียนรู้กรรมและผลของกรรมที่เกิดขึ้น มากกว่าที่จะไปโทษกรรมที่กำลังให้ผลอยู่ ฉันนั้น ทางที่ดีที่สุดให้หาทางออกไปจากวัฏฏะนี้ให้เร็วที่สุด จึงจะได้รับความปลอดภัยจากโทษแห่งวัฏฏะนั้น แม้กรรมจะยังส่งผลอยู่ กรรมนั้นก็เป็นอโหสิกรรมที่ให้ผลสำเร็จเป็นชาติสุดท้าย จารุวณฺโณ ภิกฺขุ (พระอาจารย์ต้น)#AjahnTon

Read more

#สังขารขันธ์ เป็นเช่นใด

Posted on March 3, 2023March 3, 2023 by Prawit Wachirayano

จำไว้ว่า สังขารขันธ์จะทำหน้าที่มากกว่าขันธ์อื่น เพราะสังขารขันธ์ ทำหน้าที่ปรุงแต่งรูป ปรุงแต่งเวทนา ปรุงแต่งสัญญา ปรุงแต่งสังขาร คือปรุงแต่งตัวมันเองด้วย แล้วก็ปรุงแต่งวิญญาณ มันจึงทำหน้าที่มากกว่าตัวอื่น . การที่มันทำหน้าที่มากกว่าตัวอื่น คือมันมีบทบาทในการก่ออารมณ์ สร้างอารมณ์ ปรุงแต่งอารมณ์ได้มากกว่าขันธ์อื่น ขันธ์อื่นยังไม่สามารถก่อตัวอารมณ์ได้มากเท่ากับสังขารขันธ์ . บรรดาความคิด ความนึก ความปรุงแต่งอารมณ์ทั้งหลายเนี่ย ล้วนแล้วแต่มีมูลเหตุมาจากสังขารขันธ์ แม้แต่ความกลัว ความโกรธ ความวิตก ความกังวล อย่างนี้มาจากสังขารขันธ์ทั้งนั้น . ฉะนั้นสิ่งที่พระอาจารย์ขอแนะนำวิธีปฏิบัติในการจับอารมณ์ลงขันธ์เนี่ย ถ้าเราจับสัญญาขันธ์ได้ สังขารขันธ์จะทำหน้าที่น้อยลง . เพราะว่าสังขารขันธ์ คือการปรุงแต่ง จะทำหน้าที่หรือจะปรุงแต่งได้ ก็ต้องมีสัญญาขันธ์เป็นมูลฐาน . เมื่อมีสัญญาขันธ์เป็นมูลฐาน สัญญาคือข้อมูลที่จะทำให้สังขารทำหน้าที่ในการปรุงแต่ง คือตรึกนึก คิดนึก ไตร่ตรอง อะไรก็ตาม ต้องดึงมาจากสัญญาขันธ์ . ถ้าเราไปรู้สัญญาขันธ์เกิดดับ รู้การปรุงแต่งของสัญญาขันธ์ รู้การเกิดขึ้นของสัญญาขันธ์อยู่เรื่อยๆอยู่สม่ำเสมอ รู้ขันธ์เกิดดับ รู้สัญญาขันธ์เกิดดับ อยู่ได้เรื่อยๆ สังขารขันธ์จะทำหน้าที่น้อยลง คือทำหน้าที่ในการปรุงแต่งน้อยลง . แต่ก็มีบ้างเล็กๆน้อยๆ คือทำหน้าที่เพื่อให้อารมณ์บางอารมณ์เกิด…

Read more

#อริยสัจ ๔ คือ

Posted on March 3, 2023 by Prawit Wachirayano

การกำหนดรู้ทุกข์ การละเหตุเกิดแห่งทุกข์ การทำให้แจ้งซึ่งความดับทุกข์ และการอบรมมรรคมีองค์ ๘ ให้เจริญ . อวิชชา: พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุ ความไม่รู้ในทุกข์ ความไม่รู้ในทุกขสมุทัย ความไม่รู้ในทุกขนิโรธ ความไม่รู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทานี้เรียกว่า “อวิชชา” และด้วยเหตุเพียงเท่านี้ บุคคลจึงชื่อว่า “ตกอยู่ในอวิชชา” . สัมมาทิฏฐิ คือ ความรู้ในทุกข์ (ความทุกข์) ความรู้ในทุกขสมุทัย (เหตุเกิดแห่งทุกข์) ความรู้ในทุกขนิโรธ (ความดับแห่งทุกข์) ความรู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งทุกข์) . .จากหนังสืออริยสัจ ๔ ทำคนธรรมดาให้เป็นอริยะ หน้า ๙๗

Read more

#ปุจฉา “ความโกรธ”

Posted on February 25, 2023 by Prawit Wachirayano

#คำถาม : แผ่เมตตาอยู่ทำไมความโกรธยังเกิดขึ้น อย่างนี้เราเป็นคนไร้เมตตาหรือเปล่า #คำตอบ ความโกรธเกิดขึ้นไม่ได้หมายถึงว่าไม่มีเมตตา แต่ความโกรธเกิดขึ้น เพราะเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึง “อัตตา” อันสืบเนื่องมาจากสักกายทิฏฐิสังโยชน์ในภายใน . ฉะนั้น เวลาความโกรธแสดงตัวขึ้นมา จึงเป็นช่วงที่จะทำให้เราได้ปฏิบัติต่ออารมณ์ความโกรธในปัจจุบันขณะได้ถูกต้อง . เมื่อได้ทบทวนดูเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็จะทราบได้เลยว่าตนเองผิดพลาดตรงไหน แล้วคำนวณ “วิเคราะห์ถึงเหตุที่แท้” นั้นให้ได้ เพราะถ้าเราไม่สืบค้นดูเหตุที่แท้ มัวแต่ไปกล่าวโทษตนเองว่าไร้เมตตา จะทำให้เราพลาดการเรียนรู้เรื่องของสมุทัยสัจจ์ . ซึ่งสมุทัยสัจจ์นี้เป็นสิ่งที่เราจะต้อง “กำหนดรู้ถึงสาเหตุ” ด้วย เพราะเป็นความจริงที่เราจะต้องปฏิบัติต่อตัวสมุทัยที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับความทุกข์ด้วย . สรุปก็คือ ความโกรธเกิดขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ไม่ต้องละ และอย่าเพิ่งเอาอารมณ์เมตตามาแก้ ให้สืบค้นดูเหตุของความโกรธให้แน่ชัด แล้วทักอารมณ์โกรธให้ได้ทุกคราว เพราะความโกรธเป็นอารมณ์ที่แสดงออกต่อสิ่งที่เรากำลังผัสสะอยู่ . ส่วนตัวที่ทำให้เราขาดสติ ควบคุมตนเองไม่ได้ในขณะที่ความโกรธเกิดขึ้นนั้น คือสมุทัยที่เราสร้างมันขึ้นมา เพราะไม่รู้จักความโกรธตามความเป็นจริงในขณะนั้น. จารุวณฺโณ ภิกฺขุ[พระอาจารย์ต้น] AjahnTon

Read more
  • Previous
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
  • 6
  • 7
  • 8
  • …
  • 10
  • Next
  • :
  • :
คำอธิษฐานถึงพระรัตนตรัย เสียงพระอาจารย์ต้น
https://dhammanava.net/wp-content/uploads/2024/09/บทพิจารณากาย.mp4
ศาสนาที่พระพุทธองค์ทรงประกาศ
แนวทางปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์
กิจกรรมวัยรุ่นฟังธรรม

ธรรมะเพื่อการรู้แจ้ง

 

https://flamboyant-heyrovsky.45-154-25-3.plesk.page/wp-content/uploads/2022/12/ฝึกหัดปฏิบัติ-ทาน-ศีล-สมาธิ-ปัญญา-เพื่อเตรียมพร้อม-พระอาจารย์ต้น_01082020.m4a
October 2025
M T W T F S S
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031  
« Sep    
©2025 Dhammanava